แกรี่ ไดอารี่ ตอน ผู้ถูกกลั่นแกล้งอย่างน่าสงสารสุดๆ

ถือเป็นสัปดาห์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นพอสมควรสำหรับแกรี่ ทั้งการแสดงความสะใจต่อหน้าพวกสเกาเซอร์จอมสกปรกโสโครกโสมม, การเปิดเผยเกี่ยวกับสเวนเรื่องที่ถูกปลดออกจากการคุมทีมชาติ และการนั่งดูโชว์เต้นรำบนน้ำแข็งกับแม่
วันพฤหัสบดี 19 มกราคม 2006
ถ้าผมเคยจูบผู้หญิงซักครั้ง (แหวะ) และกลายเป็นคุณพ่อ แล้วล่ะก็ผมจะตั้งชื่อลูกชาย (หรือลูกสาว) ของผมตามบุคคลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เขา (หรือเธอ) จะมีชื่อว่า เซอร์ เนวิลล์ ผมบอกกับพ่อแล้วแต่พ่อโกรธมาก หรือบางทีผมอาจจะต้องเรียกเขา (หรือเธอ) ว่า เซอร์ เนวิลล์ เนวิลล์ (พ่อของแกรี่ ชื่อ เนวิลล์ เนวิลล์) ผมสงสัยว่าลูกๆ จะสืบทอดมรดกหนวดดกดำสุดเท่ของผมไปหรือเปล่า
เจ้าฟิล บาาาาร์ดสลี่ย์ (ฮ่า ฮ่า) คงคิดว่าตัวเองสามารถเล่นในตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในสนามให้กับทีมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเกมเมื่อคืนนี้ที่พบกับเบอร์ตัน แต่สิ่งที่เขาหลงลืมไปจนกระทั่งผมบอกกับเขาในวันนี้ที่ลานจอดรถ แล้วก็ระหว่างฝึกซ้อม แล้วก็ตอนมื้อกลางวัน แล้วก็ทางโทรศัพท์อีกครั้ง ก็คือเขาเล่นไม่ได้เรื่องเอาซะเลยจนกระทั่งผมถูกส่งลงสนามไปและพลิกเกมได้เมื่อเรานำอยู่แค่ 3-0 และเล่นอย่างยากลำบากเมื่อไม่มีผมอยู่ในทีม
ผมว่าจะบอกป๋ากี้ ให้ส่งเขาไปเปรสตัน
วันศุกร์ 20 มกราคม 2006
ป๋ากี้ ตะโกนใส่ผมที่ไม่ยอมให้เสื้อซ้อมกับเจ้าฟิล บาาาาร์ดสลี่ย์ เมื่อเช้านี้ ป๋าบอกว่าทีมเราต้องมีแบ็คขวาสองคน ถือเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่ป๋าเคยพูดกับผมนับตั้งแต่คราวก่อนที่ป๋าบอกให้ผม ‘ออกไปจากสวนของป๋าซะ’ คราวนั้นผมแค่ไปแอบมองป๋าด้วยความคิดถึงเท่านั้นเอง
ผมไปดูหนังมาด้วยเพราะริโอ บอกว่าผมจะต้องชอบหนังเรื่อง โบร๊กแบ็ค เมาน์เท่น (หนังเกย์) แน่เลยและหน้าตาพระเอกของเรื่องก็คล้ายกับผมอีกด้วย ทีแรกผมนึกว่าเขาบอกว่าเรื่อง ไรท์แบ็ค เมาน์เท่น (ไรท์แบ็ค = แบ็คขวา) และเรื่องราวก็คงจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับแบ็คขวาผู้หล่อเหลาที่มีหนวดเฟิ้มสวยงาม แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ผมผิดหวังจนร้องไห้เลย
วันเสาร์ 21 มกราคม 2006
ไอ้เจ้าฟิล งี่เง่าเซ่อซ่ากับทีมท็อฟฟี่เล็กๆ อะไรนั่นเอาชนะทีมปืนแตกได้ ผมก็เลยต้องสัญญากับแม่ว่าจะไม่แกล้งบิดแขนของน้องอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ผมพยายามจะขออุทธรณ์ต่อคำสั่งห้ามแต่แม่หายตัวขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย
ผมกับแม่นั่งดูโชว์เต้นรำบนน้ำแข็ง ผมว่าจะทำแบบนั้นตอนอายุ 44 ปีหลังแขวนสตั๊ดไปแล้ว ก่อนที่จะมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของสโมสรที่ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และพาทีมคว้าแชมป์ 4 แชมป์เป็นประวัติศาสตร์ และกลายเป็นลอร์ด เซอร์ แกรี่ เนวิลล์ โอบีอี เอ็มบีอี ซีบีบี้ส์ …..
วันอาทิตย์ 22 มกราคม 2006
เจ้าพวกสเกาเซอร์จอมสกปรกโสโครกโสมม เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว พวกแกแพ้ พวกแกแพ้ พวกแกแพ้ และผมก็ทำท่าฉลองชัยได้อย่างเท่ที่สุดต่อหน้าพวกสเกาเซอร์จอมสกปรกโสโครกโสมม จนบางคนบอกว่าลีลามันเหมือนกับตอนที่ผู้ชายกับผู้หญิงมีอะไรกัน ซึ่งก็คงหมายความว่าพวกผู้หญิงจะคิดไปว่าผมอยากจะมีอะไรกับพวกเธอ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าผู้หญิงตัวเหม็นจะตาย
ผมทำท่าฉลองที่ว่านั่นให้กับแม่และยายดูอีกรอบวันนี้หลังจากมื้อกลางวัน (กระหล่ำปลี แหวะ) และพวกเธอบอกว่าผมคงจะดูหล่อทีเดียวในหน้าหนังสือพิมพ์ หวังว่ากล้องจะจับภาพหนวดของผมเอาไว้ได้ชัดๆ เพราะว่าบางครั้งในภาพมันก็ดูไม่ดกดำเหมือนกับของจริง
คืนนี้ตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ ผมก็เลยอ่านหนังสือของป๋ากี้อีกรอบ ผมรู้ว่ามันเกือบจะไม่หลงเหลือในความทรงจำแล้วในตอนนี้ ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะบางหน้าก็เละจนเปิดดูไม่ได้แล้ว
วันจันทร์ 23 มกราคม 2006
ผมหลบซ่อนตัวอยู่ในตู้ของแม่ตลอดทั้งวันหลังจากริโอ ส่งข้อความมาบอกผมว่าตำรวจต้องการจะคุยกับผมเกี่ยวกับ ‘การไปกระตุ้นอารมณ์ฝูงชน’ ผมไม่ต้องการติดคุกเพราะริโอ บอกว่าหนุ่มหล่อแบบผมถ้าติดคุกจะเป็นที่โด่งดังในห้องอาบน้ำฝักบัวในคุก แต่ผมชอบอ่างอาบน้ำมากกว่า
เมื่อแม่หลอกให้ผมออกไปจากตู้ด้วยขนมฟรอสตี้ส์เต็มชาม (แม่บอกว่าผมยอดเยี่ยมมาก) ผมก็ได้ยินว่าสเวน จะออกจากทีมชาติอังกฤษหลังจบฟุตบอลโลก นั่นคงเป็นเพราะว่าผมโทรไปหาไบรอัน บาร์วิค (ประธานเอฟเอ) เพื่อบอกว่ามีพวกสเกาเซอร์มากเกินไปแล้วในทีมชาติ พวกเขาบอกว่าไม่ใช่ซะหน่อย แต่ที่ผมรู้มามันไม่ใช่แบบนั้น เพราะเลขาของเขาบอกว่า เขา ‘สนใจที่จะเรียนรู้มุมมองของผม’
ผมคิดว่าผมเป็นคนที่เหมาะสมที่จะแทนที่สเวนได้ ถ้าผมไม่ติดคุกซะก่อน
วันอังคาร 24 มกราคม 2006
ตัวเต็งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนต่อไปเรอะ แซม อัลลาไดซ์ เป็นใครกัน? ดูเหมือนว่าเขาคุมสโมสรอะไรซักแห่งในแลงคาเชียร์ แต่ทุกคนรู้ว่ามีเพียงสโมสรเดียวอยู่ในแลงคาเชียร์ ผมชักจะสับสนแล้ว! เขาไม่มีทางได้รับอนุญาตให้คุมทีมชาติอังกฤษ และรวมทั้ง ‘บิ๊ก ฟิล’ สโคลารี่ ก็ไม่มีทางด้วย เหตุผลแรก เพราะเขามีชื่อเรียกว่า ฟิล และทุกคนรู้ว่ามันเป็นชื่อที่งี่เง่ามาก และเหตุผลอีกข้อ เพราะเขาคงจะคิดว่าหนวดของเขาดูดีกว่าของผม ซึ่งไม่จริงซะหน่อย
มันควรจะเป็นผมและเดวิดในสุดยอดดรีมทีม เหมือนกับในหนังเรื่องนั้นที่ผมดูไปเมื่อไม่กี่คืนก่อน
วันพุธ 25 มกราคม 2006
เราเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของรายการบอลถ้วยที่สำคัญที่สุดในโลก (ซึ่งผมยังไม่เคยได้แชมป์ถ้วยนี้เลย) หลังจากเอาชนะทีมเล็กๆ อะไรซักทีมที่ชื่อว่า แบล็คเบิร์น ผมคิดว่านะ แน่นอนว่าผมเล่นได้อย่างสุดยอด แม้ว่าฟาน เดอร์ ซาร์ (ผมชอบเจ้าทิม จอมสบถมากกว่านะ) พยายามจะทำให้ผมดูงี่เง่าด้วยการมีปฏิกิริยาช้าเกินไปต่อลูกส่งคืนหลังที่สมบูรณ์แบบของผม
ไอ้ ร็อบบี้ ซาเวจ เจ้าจอมเกเรที่น่ารังเกียจพยายามสร้างปัญหาในอุโมงค์ แต่ในฐานะที่ผมเป็นกัปตันทีมเต็มตัวแล้วในตอนนี้ ผมจึงไม่สามารถไปจัดการกับเขาได้เหมือนยามปกติ เพื่อภาพพจน์ผมจำเป็นต้องขังตัวเองอยู่ในห้องแต่งตัว เพราะกัปตันทีมไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใดๆ ทั้งนั้น และผมต้องรอจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาออกจากสนามไปแล้ว นั่นเพราะผมเป็นกัปตันทีมแล้วในตอนนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเป็น รอย ก็คงทำแบบเดียวกันกับผม
วันพฤหัสบดี 26 มกราคม 2006
ผมถูกตั้งข้อหา ผมกำลังจะหนีไปมอลตา
DaKinG, เบคแก้ว

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts