แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รีพอร์ต

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดลดช่องว่างกับทีมคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้เหลือเพียงแค่แต้มเดียว หลังจากบุกคว้าชัยครั้งสำคัญ 0 – 1 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม โดยได้ประตูจากความยอดเยี่ยมของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในครึ่งแรก

ศูนย์หน้าผู้เกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ได้ลงเล่นโปรแกรมนี้เป็นครั้งแรก และเขาก็ทำประตูได้ในนาทีที่ 16 จากการวิ่งฉีกทะลุแนวรับเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนยิงผ่านมือ โจ ฮาร์ท เข้าไป และเพียงแค่ประตูเดียวประตูนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทีมปีศาจแดงกลับออกมาจากเอติฮัดพร้อมกับ 3 คะแนนเต็ม

ก่อนเกม หลุยส์ ฟาน กัล เลือกปรับทัพ 2 ตำแหน่งจากเกมกับลิเวอร์พูลเมื่อกลางสัปดาห์ มัตเตโอ ดาร์เมียน กับ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน กิเยร์โม่ บาเรล่า กับ มารูยาน เฟลไลนี่

ขณะที่เกมที่ทั้งคู่พบกันเมื่อเดือนตุลาคมจบลงแบบไร้สกอร์ มาคราวนี้เกมก็สนุกตื่นเต้นตั้งแต่นาทีแรก โดยเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ได้ลูกเตะมุมไปก่อน โอกาสแรกของเกมก็ยังตกเป็นของเจ้าถิ่น จากลูกโขกสกัดของดาร์เมียนที่มาเข้าทาง เฆซุส นาบาส แต่ปีกรายนี้ก็ยิงวอลเล่ย์หลุดกรอบออกไป

นาบาสได้ลุ้นอีกครั้ง และก็ใกล้เคียงมากขึ้น แต่ก็ยังถูกปฏิเสธเอาไว้ได้โดยเพื่อนร่วมชาติอย่าง ดาบิด เด เคอา จากนั้นการขึ้นเกมมาของ ราฮีม สเตอร์ลิง และ ดาบิด ซิลบา ก็ทำให้รายหลังได้หลุดไปครอสบอล แต่ผู้รักษาประตูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ยังใช้ขาเซฟเอาไว้ได้

ขณะที่เกมผ่าน 15 นาทีมาได้ไม่นาน ทีมเรือใบสีฟ้าก็ต้องชดเชยที่พลาดโอกาสของพวกเขาไป ฮวน มาต้า หาพื้นที่ได้ตรงกลางสนาม ก่อนที่จะจ่ายขึ้นหน้าให้แรชฟอร์ดแตะหลบ มาร์ติน เดมิเคลิส เข้าสู่กรอบเขตโทษ จากนั้นก็จบสกอร์อย่างเยือกเย็นเข้าประตูไป

แนวรุกที่เต็มไปด้วยผู้เล่นอายุน้อยของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดย เจสซี่ ลินการ์ด ได้สลับเข้ามาเล่นตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10 และทีมของฟาน กัลก็เกือบบวกเพิ่มลูกที่ 2 ได้ในนาทีที่ 18 เมื่อ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ยิงให้ฮาร์ทต้องออกแรงเซฟ

เจ้าถิ่นเตือนแนวรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงความอันตรายในแดนหน้าของพวกเขาเช่นกัน และก็เกือบจะตีเสมอได้จากฟรีคิกของซิลบาที่โยนให้เดมิเคลิสโขกหลุดกรอบ แต่หลังจากนั้นตัวรุกของทีมเรือใบสีฟ้าอย่างสเตอร์ลิงก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกด้วยอาการบาดเจ็บ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะได้ลูกจุดโทษก่อนจบครึ่งแรก เมื่อแรชฟอร์ดถูกปะทะล้มลงเดมิเคลิส แต่ผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์ กลับโบกมือปฏิเสธ ทำให้ทีมปีศาจแดงขึ้นนำอยู่ที่ประตูเดียวเหมือนเดิมขณะจบครึ่งแรก

ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นด้วยจังหวะบุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมาร์กซิอัลเกือบฉกลูกจ่ายคืนหลังที่สั้นเกินไปของเดมิเคลิสได้ แต่ฮาร์ทก็ออกมาสกัดพ้นอันตรายได้ทันเวลา แต่เขาก็ต้องพบกับอาการบาดเจ็บจากการเล่นจังหวะนี้ วิลลี่ กาบาเญโร่ ถูกส่งลงมาเฝ้าเสาแทน และเขาก็เกือบจะต้องก้มหยิบบอลที่ก้นตาข่ายตั้งแต่ถูกส่งลงสนามไม่นาน แต่ยังดีที่เขาเซฟลูกยิงของมาร์กซิอัลเอาไว้ได้

ขณะที่เกมผ่านชั่วโมงมาได้ไม่นาน เจ้าถิ่นก็ใกล้เคียงสุดๆ ที่จะตีเสมอ จังหวะแรก บาการี่ ซานญ่า ครอสบอลต่ำเข้ามาถึงตัวสำรอง วิลฟรีด โบนี่ย์ แต่ คริส สมอลลิ่ง ก็เข้าปะทะเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นลูกครอสทางฝั่งขวาจาก ยาย่า ตูเร่ ก็ทำให้ เซร์คิโอ อเกโร่ ได้โขกไปชนเสาเต็มๆ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้เปิดเกมบุกอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถหาโอกาสแบบจะแจ้งได้สักเท่าไหร่ ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะการรับมือกับลูกครอสหลายครั้ง ทำให้ยังรักษาสกอร์นำเอาไว้ได้

ป้ายทดเวลาบาดเจ็บถูกชูขึ้นมา 6 นาที เกมรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเกือบถูกทำลายลงโดยอเกโร่ เขาได้บอลจากซิลบา ก่อนที่จะซัดโล่งๆ หลุดกรอบออกไป สุดท้าย 3 แต้มในเกมดาร์บี้ก็ตกเป็นของลูกทีมของฟาน กัล ซึ่งถือเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับทั้งแรชฟอร์ด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สถิติ


Related Posts